ตาพร่ามัว มองไม่ชัด เกิดจากอะไร? สาเหตุที่คุณอาจไม่เคยรู้

ตาพร่ามัว มองไม่ชัด เกิดจากอะไร? สาเหตุที่คุณอาจไม่เคยรู้

หลายคนอาจเคยเจออาการ “ตาพร่ามัว มองไม่ชัด” ขณะขับรถ อ่านหนังสือ หรือใช้งานคอมพิวเตอร์นาน ๆ แล้วก็ปล่อยผ่านเพราะคิดว่าแค่ล้าตา… แต่อันที่จริง อาการเหล่านี้อาจเป็น “สัญญาณเตือน” ที่ร่างกายกำลังบอกบางอย่างกับคุณอยู่!

 

ตาพร่ามัว มองไม่ชัด คืออะไร?

อาการ ตาพร่ามัว (Blurred Vision) หรือ มองไม่ชัด คือภาวะที่การมองเห็นของเราลดลงอย่างผิดปกติ มองสิ่งต่าง ๆ แล้วเบลอ ไม่คมชัดเหมือนเดิม
เกิดขึ้นได้ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร บางคนอาจเป็นแค่บางช่วงเวลา เช่น ตอนตื่นนอนหรือหลังจ้องจอนาน ๆ ขณะที่บางคนอาจเป็นตลอดทั้งวัน

 

สาเหตุของอาการตาพร่ามัว ที่คุณอาจไม่เคยรู้

1. สายตาผิดปกติ

  • สายตาสั้น / ยาว / เอียง โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยตรวจวัดสายตาเลย
  • เปลี่ยนค่าสายตาโดยไม่รู้ตัว เช่น เด็กโต หรือผู้สูงวัย

 

2. ใช้สายตามากเกินไป

  • จ้องจอคอมฯ หรือมือถือเป็นเวลานาน
  • พักผ่อนไม่พอ → ส่งผลต่อระบบประสาทตาและกล้ามเนื้อตา

 

3. ดวงตาแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น

  • อยู่ในห้องแอร์นาน ๆ
  • ไม่กะพริบตาเวลาจ้องหน้าจอ → ทำให้น้ำตาธรรมชาติลดลง

 

4. ใส่แว่นที่ไม่ตรงกับค่าสายตา

  • ใช้แว่นเก่าที่ค่าสายตาเปลี่ยนไป
  • เลนส์แว่นเป็นรอย หรือคุณภาพต่ำ → ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยน

 

5. ปัญหาสุขภาพร่างกายอื่น ๆ

  • ความดันโลหิตสูง/ต่ำ
  • เบาหวานขึ้นตา
  • ไมเกรนที่กระทบต่อระบบประสาทตา

 

 รู้หรือไม่? แสงจากจอมือถือ (Blue Light) ก็เป็นตัวการที่ทำให้ตาพร่ามัวในคนยุคใหม่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

วิธีแก้ไขเบื้องต้น และเมื่อไรควรไปพบผู้เชี่ยวชาญ

  • พักสายตา 20 วินาที ทุก 20 นาที (กฎ 20-20-20)
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ รักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย
  • ใช้แว่นกรองแสงสีฟ้าขณะทำงานหน้าจอ
  • ตรวจวัดสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็กค่าสายตาที่เปลี่ยนไป
  • หากอาการเกิดบ่อย มีอาการร่วม เช่น ปวดหัว ตาแดง → ควรรีบพบจักษุแพทย์หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ