ปวดหัว เวียนหัว ตาพร่า…ระวัง! อาจมาจากแว่นเก่าที่ไม่ตรงค่าสายตา

เคยไหม? ใส่แว่นไปทำงานแล้วรู้สึกเวียนหัว ปวดหัว หรือมองอะไรไม่ค่อยชัด บางครั้งถึงขั้นตาพร่า แต่ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนแว่น เพราะ “มันยังใช้ได้อยู่” หรือ “แว่นอันนี้ก็เคยตัดมาแพงนะ!” ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ อาการเหล่านั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังใช้ แว่นเก่าที่ไม่ตรงค่าสายตา โดยไม่รู้ตัว อย่ามองข้าม! เพราะการฝืนใส่แว่นที่ไม่ตรงค่าสายตา อาจทำร้ายดวงตาแบบเรื้อรัง และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว

แว่นเก่าที่ไม่ตรงค่าสายตา มีผลเสียอย่างไร?

1. ปวดหัวหรือเวียนหัวบ่อย

เมื่อดวงตาพยายามปรับโฟกัสกับเลนส์ที่ไม่แม่นยำ สมองต้องทำงานหนักในการประมวลผลภาพ จึงส่งผลให้คุณรู้สึกปวดหัว หรือเวียนหัว แม้ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก

2. ตาพร่า มองไม่ชัด

แว่นเก่าที่ไม่ได้อัปเดตค่าสายตา อาจทำให้มองภาพไม่คมชัด โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือเมื่อทำงานหน้าจอนานๆ ดวงตาจึงล้าและพร่าโดยไม่รู้ตัว

3. สมองล้า ทำงานไม่มีสมาธิ

เมื่อมองไม่ชัด ระบบประสาทส่วนกลางจะพยายามปรับตัวตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการล้าสมอง ทำงานไม่เต็มที่ หรือขาดสมาธิในชีวิตประจำวัน

4. ทำให้เกิดพฤติกรรมเพ่งตาโดยไม่รู้ตัว

การใส่แว่นผิดค่าสายตาอาจทำให้คุณต้องเพ่งหรือขยับหน้าหาองศาเพื่อมองให้ชัด ส่งผลให้เกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ ร่วมด้วย

แล้วเราควรเปลี่ยนแว่นตาเมื่อไหร่?

• หากคุณเริ่มมีอาการปวดหัว ตาพร่า หรือมองไม่ชัดบ่อยขึ้น
  
• หากแว่นที่ใช้อยู่มีอายุเกิน 2 ปี ควรตรวจวัดค่าสายตาใหม่
  
• หากคุณมีพฤติกรรมใช้สายตาหนักขึ้น เช่น ทำงานหน้าจอหลายชั่วโมง หรือขับรถระยะไกล
  

ตรวจเช็คแว่นเก่า อย่ารอให้ดวงตาเสีย

บางครั้งเราคิดว่าแว่นตาคือของที่ซื้อทีเดียวใช้ได้ยาวๆ แต่ความจริงคือ สายตาของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยเฉพาะในยุคที่ใช้สายตากับหน้าจอมากกว่าที่เคย

ดังนั้นอย่ารอให้อาการหนักถึงจะเปลี่ยนแว่น ตรวจวัดสายตากับผู้เชี่ยวชาญทุกปี เพื่อให้แน่ใจว่าแว่นของคุณยัง ตรงค่าสายตา และไม่ทำร้ายดวงตาแบบเงียบๆ

หากคุณสงสัยว่าแว่นเก่าของคุณยังเหมาะสมอยู่ไหม?

Chic Optical มีบริการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดโดยนัก Technician พร้อมคำแนะนำเลนส์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และป้องกันอาการล้าตา เช่น เลนส์กรองแสงสีฟ้า เลนส์โปรเกรสซีฟ และอื่นๆ เพื่อให้คุณมั่นใจว่า…แว่นที่ใส่ ไม่ใช่ต้นเหตุของอาการแสบตาหรือเวียนหัวอีกต่อไป