จ้องจอนาน ปวดตา แสบตา — แก้อย่างไรให้ตรงจุด

ทุกวันนี้เราต่างใช้ชีวิตอยู่หน้าจอแทบทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ต ซึ่งทั้งหมดนี้ปล่อย “แสงสีฟ้า (Blue Light)” และ “แสงสะท้อน (Glare)” ที่เป็นตัวการหลักทำให้เกิดอาการ ตาล้า แสบตา และปวดหัว อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ปัญหาสายตาเรื้อรัง เช่น ตาแห้ง สายตาสั้นเพิ่ม หรือการมองเห็นพร่ามัวชั่วคราว

สาเหตุหลักของอาการปวดตาเมื่อจ้องจอนาน

1. แสงสีฟ้าจากหน้าจอ (Blue Light)
   มีพลังงานสูง ทำให้กล้ามเนื้อตาเพ่งมากขึ้นและเกิดความล้า
2. การเพ่งตาอย่างต่อเนื่อง
   มักเกิดจากการทำงานระยะใกล้ เช่น อ่านเอกสารหรือใช้มือถือ
3. กระพริบตาน้อยลง
   ปกติเรากระพริบตาเฉลี่ย 15–20 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อจ้องจอจะลดเหลือเพียง 5–7 ครั้ง ส่งผลให้ ตาแห้งและระคายเคือง
4. ท่าทางและแสงไม่เหมาะสม
   หน้าจอสว่างเกินไป หรือแสงในห้องไม่สมดุลกับจอ
   

วิธีแก้อาการปวดตา แสบตาให้ตรงจุด

1. ใช้เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter Lens)

ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา ลดอาการแสบตา ตาล้า และช่วยให้หลับได้ดีขึ้น เหมาะกับคนที่ทำงานหน้าคอมหรือเล่นมือถือวันละหลายชั่วโมง

แนะนำ: เลือกเลนส์ที่มีทั้ง Anti-Reflective (AR) และ UV Protection เพื่อความสบายตาสูงสุด

2. พักสายตาตามหลัก “20-20-20 Rule”

พักสายตาทุก 20 นาที
→ มองวัตถุไกลประมาณ 20 ฟุต (6 เมตร)
→ เป็นเวลา 20 วินาที
ช่วยคลายกล้ามเนื้อตาและลดอาการเพ่ง

3. ปรับแสงหน้าจอและสภาพแวดล้อม

• ลดความสว่างหน้าจอให้นุ่มตา
• ใช้ “โหมดกลางคืน (Night Mode)” หรือ “Dark Mode”
• หลีกเลี่ยงแสงสะท้อนโดยจัดมุมจอให้ไม่ตรงกับหน้าต่าง

4. กระพริบตาบ่อยขึ้น หรือใช้น้ำตาเทียม

ช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคืองและแสบตา

5. ตรวจสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

เพื่อเช็กว่าสายตายังปกติหรือไม่ เพราะบางครั้งอาการปวดตาอาจเกิดจาก ค่าสายตาเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

เคลือบเลนส์ที่ควรมีสำหรับคนจ้องจอนาน

Chic Optical แนะนำ

ที่ Chic Optical เรามี เลนส์กรองแสงสีฟ้าและเลนส์สำหรับทำงานหน้าคอมโดยเฉพาะ พร้อมบริการ ตรวจวัดสายตาดิจิทัลโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยคุณเลือกเลนส์ที่เหมาะกับลักษณะงานและปัญหาสายตาของคุณ ให้คุณทำงานได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องทนปวดตา ปวดหัว หรือแสบตาอีกต่อไป