แสงสีฟ้าคืออะไร? อันตรายอย่างไรต่อดวงตา

แสงสีฟ้าคืออะไร? อันตรายอย่างไรต่อดวงตา

แสงสีฟ้าคืออะไร? ทำไมถึงเป็นปัญหากับดวงตาของเรา ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตท่ามกลางจอมือถือ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตแทบทั้งวัน สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ… แสงจากหน้าจอเหล่านี้มี “แสงสีฟ้า” อยู่ในปริมาณที่ไม่น้อยเลย แสงสีฟ้าไม่ใช่สิ่งใหม่ มันมีอยู่ในธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ แต่เมื่อเราเริ่มใช้หน้าจอใกล้ดวงตาเป็นเวลานาน ๆ ปัญหาก็เริ่มตามมา   แสงสีฟ้าคืออะไร? แสงสีฟ้า (Blue Light) เป็นส่วนหนึ่งของแสงที่ตามองเห็นได้ มีพลังงานค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแสงสีอื่น ๆ และสามารถทะลุผ่านกระจกตา เข้าสู่จอประสาทตาได้โดยตรง ซึ่งต่างจากรังสี UV ที่มักถูกบล็อกไว้หลายชั้นก่อนถึงจอประสาทตา เพราะแบบนี้เอง แสงสีฟ้าจึงมีผลกระทบต่อดวงตาได้ง่ายกว่าแสงประเภทอื่น   แสงสีฟ้าเจอได้จากที่ไหน? แสงแดด (แหล่งใหญ่ที่สุด) หน้าจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หลอดไฟ LED และไฟสตูดิโอ สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าคุณใช้จอทั้งวัน ก็เจอแสงสีฟ้าทั้งวันเหมือนกัน     ทำไมแสงสีฟ้าถึงเป็นอันตรายต่อดวงตา? 1) ทำให้ตาล้าและแสบตาง่ายขึ้น แสงสีฟ้ามีพลังงานสูง ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องเพ่งมากกว่าเดิม ใช้จอนาน ๆ […]

ผลกระทบของแสงสีฟ้าต่อคนทำงานหน้าคอม: เลนส์แบบไหนช่วยได้จริง?

ผลกระทบของแสงสีฟ้าต่อคนทำงานหน้าคอม: เลนส์แบบไหนช่วยได้จริง?

ถ้าคุณทำงานหน้าคอมวันละหลายชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นงานออฟฟิศ งานออกแบบ งานบัญชี หรือแม้แต่ใช้มือถือประชุมทั้งวัน คุณกำลังได้รับ “แสงสีฟ้า (Blue Light)” ต่อเนื่องกว่าที่คิด แสงสีฟ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ผลกระทบต่อดวงตามักถูกมองข้าม โดยเฉพาะในคนที่ต้องเพ่งหน้าจอใกล้ ๆ หลายชั่วโมงต่อวัน   แสงสีฟ้าคือแสงแบบไหน? แสงสีฟ้าเป็นแสงพลังงานสูง (HEV Light) อยู่ในกลุ่มแสงที่ตามองเห็นได้ มีความยาวคลื่นสั้น แต่พลังงานค่อนข้างแรง ทำให้ทะลุผ่านดวงตาได้ง่าย เวลาใช้งานหน้าจอใกล้ตา แสงสีฟ้าจึงกระทบต่อสายตาโดยตรงมากขึ้น ผลกระทบของแสงสีฟ้าต่อคนทำงานหน้าคอม 1) ทำให้ตาล้าเร็วขึ้น มองจอเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อตาต้องเพ่งตลอดเวลา แสงสีฟ้าที่พลังงานสูงทำให้ตาล้าเร็วกว่าปกติอีกเท่าตัว   2) ปวดตา แสบตา บางครั้งถึงขั้นน้ำตาไหล เมื่อกระพริบตาน้อยลง ดวงตาเริ่มแห้ง ประกอบกับแสงสีฟ้าที่คมและสว่าง ทำให้รู้สึกแสบตาได้ง่าย   3) ปวดหัวหรือมึนหัวหลังทำงานนาน ๆ เป็นผลจากกล้ามเนื้อตาตึงตัวสะสม หลายคนไม่รู้ว่าปวดหัวเพราะ “แสงจอ” ไม่ใช่เพราะงานเครียด   4) นอนหลับยากในตอนกลางคืน เพราะแสงสีฟ้าจะไปกดยับยั้งเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ใช้ในการพักผ่อน คนที่เล่นมือถือก่อนนอนจึงมัก […]

10 สัญญาณว่า “คุณควรเปลี่ยนไปใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ”

10 สัญญาณว่า “คุณควรเปลี่ยนไปใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ”

หลายคนยังใช้แว่นสายตาเดี่ยวอยู่ แม้จะเริ่มมีปัญหาในการมองใกล้–มองไกล ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่ออายุเข้าใกล้ 40+ หรือใช้สายตาใกล้หนักมากเป็นเวลานาน แต่จะรู้ได้ยังไงว่า “ถึงเวลาต้องเปลี่ยนไปใช้เลนส์โปรเกรสซีฟจริง ๆ แล้ว?” นี่คือ 10 สัญญาณสำคัญ ที่บอกคุณอย่างชัดเจน    1) มองใกล้ไม่ชัด ต้องยืดมือถือออกห่าง ถ้าคุณต้องยืดหนังสือหรือมือถือไกลกว่าเดิมเพื่ออ่านให้ชัด แสดงว่าคุณเริ่มมี “สายตายาวตามวัย” แล้ว → เลนส์โปรเกรสซีฟจะช่วยให้มองใกล้กลับมาชัดเจน   2) อ่านหนังสือหรือจอคอมนาน ๆ แล้วปวดหัว เกิดจากกล้ามเนื้อตาที่เพ่งมากเกินไป เลนส์โปรเกรสซีฟช่วยปรับระยะการมองให้แม่นยำ ไม่ต้องเพ่ง   3) ต้องสลับแว่น “สั้น–ยาว” ตลอดเวลา สลับใส่แว่นอ่านหนังสือกับแว่นมองไกลจนเบื่อ? → โปรเกรสซีฟคือแว่นเดียวที่ตอบโจทย์ทุกระยะ (ใกล้–กลาง–ไกล)   4) มองจอคอมไม่สะดวก ต้องเงยหน้า–ก้มหน้า อาการนี้บ่งบอกว่าคุณใช้เลนส์ที่ไม่ครอบคลุม “ระยะกลาง” ซึ่งโปรเกรสซีฟออกแบบมาให้เหมาะกับจอคอมโดยเฉพาะ   5) มองตัวหนังสือเล็ก ๆ พร่ามัว ป้ายยา บิล ค่าบริการ […]

อาการปวดหัวหลังใส่แว่นใหม่ เกิดจากอะไร?

อาการปวดหัวหลังใส่แว่นใหม่ เกิดจากอะไร?

หลายคนเมื่อเปลี่ยนแว่นใหม่มักมีอาการ “ปวดหัว เวียนหัว ตาพร่าหรือมึนงง” โดยเฉพาะในช่วงวันแรก ๆ ของการใส่ ซึ่งความจริงแล้วอาการเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่าแว่นผิดเสมอไป แต่อาจเป็นเพียง “ช่วงที่ดวงตากำลังปรับตัว” ให้เข้ากับเลนส์ใหม่ อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดหัวรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ก็ควรตรวจเช็กเพิ่มเติม เพราะอาจมีสาเหตุที่ควรรู้ไว้ก่อนครับ    สาเหตุหลักของอาการปวดหัวหลังใส่แว่นใหม่ 1. ดวงตายังปรับตัวกับเลนส์ใหม่ไม่ทัน เวลาค่าสายตาเปลี่ยน หรือเปลี่ยนเลนส์ชนิดใหม่ (เช่น จากเลนส์ชั้นเดียวเป็นโปรเกรสซีฟ) ดวงตาจะต้องใช้เวลา ปรับสมดุลการโฟกัส ประมาณ 3–7 วัน ในช่วงนี้อาจรู้สึกมึน หรือปวดหัวได้ โดยเฉพาะเมื่อสลับมองใกล้–ไกลบ่อย ๆ   2. ค่าสายตาเปลี่ยน แต่ไม่ได้วัดอย่างละเอียด บางครั้งค่าสายตาใหม่ คลาดเคลื่อนเล็กน้อยจากค่าจริง เช่น ใส่ค่าสั้นหรือยาวเกินไปเพียง 0.25 ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อตาเพ่งมากเกินจำเป็น → ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวหรือตาล้าได้ง่าย   3. การจัดศูนย์เลนส์ (Optical Center) ไม่ตรงกับแนวสายตา หากจุดศูนย์กลางของเลนส์ไม่อยู่ตรงตำแหน่งสายตาพอดี จะเกิดการ “บิดเบี้ยวของภาพ” หรือเกิดแรงเพ่งที่ไม่สมดุลระหว่างตาทั้งสองข้าง […]

จ้องจอนาน ปวดตา แสบตา — แก้อย่างไรให้ตรงจุด

จ้องจอนาน ปวดตา แสบตา — แก้อย่างไรให้ตรงจุด

ทุกวันนี้เราต่างใช้ชีวิตอยู่หน้าจอแทบทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ต ซึ่งทั้งหมดนี้ปล่อย “แสงสีฟ้า (Blue Light)” และ “แสงสะท้อน (Glare)” ที่เป็นตัวการหลักทำให้เกิดอาการ ตาล้า แสบตา และปวดหัว อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ปัญหาสายตาเรื้อรัง เช่น ตาแห้ง สายตาสั้นเพิ่ม หรือการมองเห็นพร่ามัวชั่วคราว   สาเหตุหลักของอาการปวดตาเมื่อจ้องจอนาน แสงสีฟ้าจากหน้าจอ (Blue Light) มีพลังงานสูง ทำให้กล้ามเนื้อตาเพ่งมากขึ้นและเกิดความล้า การเพ่งตาอย่างต่อเนื่อง มักเกิดจากการทำงานระยะใกล้ เช่น อ่านเอกสารหรือใช้มือถือ กระพริบตาน้อยลง ปกติเรากระพริบตาเฉลี่ย 15–20 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อจ้องจอจะลดเหลือเพียง 5–7 ครั้ง ส่งผลให้ ตาแห้งและระคายเคือง ท่าทางและแสงไม่เหมาะสม หน้าจอสว่างเกินไป หรือแสงในห้องไม่สมดุลกับจอ   วิธีแก้อาการปวดตา แสบตาให้ตรงจุด   1. ใช้เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter Lens) ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา […]

ทำไมคนทำงานหน้าคอมถึงมัก “ปวดตา–ปวดหัว”?

ทำไมคนทำงานหน้าคอมถึงมัก “ปวดตา–ปวดหัว”?

ทุกวันนี้เรามักใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ตต่อเนื่องหลายชั่วโมง แสงจากหน้าจอเหล่านี้ปล่อย “แสงสีฟ้า (Blue Light)” ซึ่งมีพลังงานสูง ทำให้เกิดปัญหาเช่น ตาล้า แสบตา น้ำตาไหล ปวดหัว มองไม่ชัดเป็นช่วง ๆ นอนหลับยาก อาการเหล่านี้เรียกว่า “Computer Vision Syndrome (CVS)” หรือ กลุ่มอาการจากการใช้สายตาหน้าจอมากเกินไป แต่สามารถบรรเทาได้ด้วย “เลนส์แว่นที่เหมาะกับคนทำงานหน้าคอม”     เลนส์แบบไหนที่เหมาะกับคนทำงานหน้าคอม ? 1. เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter Lens) เหมาะกับ: คนที่ใช้คอม มือถือ หรือแท็บเล็ตเกิน 4–6 ชั่วโมงต่อวัน คุณสมบัติ: เคลือบสารกรองแสงสีฟ้า ช่วยลดแสงที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา ลดอาการตาล้าและปวดหัวจากแสงสีฟ้า เพิ่มความสบายตาเวลาทำงานในแสงไฟฟ้าหรือแสงจอ  ข้อดี: ลดอาการปวดตา แสบตา และน้ำตาไหล ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น เพราะไม่รบกวนฮอร์โมนเมลาโทนิน เหมาะกับทุกเพศวัย โดยเฉพาะวัยทำงานและนักเรียน   […]

เปรียบเทียบ “เลนส์ชั้นเดียว” กับ “เลนส์โปรเกรสซีฟ” สำหรับคนสายตาสั้น

เปรียบเทียบ “เลนส์ชั้นเดียว” กับ “เลนส์โปรเกรสซีฟ” สำหรับคนสายตาสั้น

คนสายตาสั้นจำนวนมากมักเริ่มต้นด้วย เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นและเริ่มมีปัญหาเวลาอ่านหนังสือหรือมองมือถือใกล้ ๆ คำถามยอดฮิตคือ… จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟไหม? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความต่าง และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสายตาของตัวเองที่สุด   เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision Lens) คืออะไร? เลนส์ชั้นเดียวคือเลนส์ที่มี ค่าสายตาเดียวทั่วทั้งเลนส์ เหมาะกับคนที่มีสายตาสั้น ยาว หรือเอียง ระยะเดียว เหมาะสำหรับ คนสายตาสั้นทั่วไป เด็ก นักเรียน นักศึกษา คนทำงานที่ไม่ได้มีปัญหามองใกล้ ข้อดี ภาพคมชัดในระยะเดียว ราคาเข้าถึงง่าย ปรับตัวง่าย ใส่สบาย ข้อจำกัด ไม่รองรับปัญหามองใกล้ในอนาคต (เช่นช่วงอายุ 40+) หากต้องสลับมองไกล–ใกล้บ่อย อาจตาล้าได้   เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) คืออะไร? เลนส์โปรเกรสซีฟคือเลนส์ที่ให้ ค่าสายตาหลายระยะในเลนส์เดียว มองได้ทั้ง ระยะไกล (ขับรถ) ระยะกลาง (จอคอม) ระยะใกล้ (อ่านหนังสือ / มือถือ) […]

แว่นสายตาสั้น เลือกยังไงดี? แนะนำวิธีเลือกเลนส์ให้เหมาะกับสายตา

สายตาสั้น (Myopia) เป็นภาวะที่มองไกลไม่ชัด มองใกล้ชัด พบได้มากในเด็ก วัยเรียน และวัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือและคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แว่นสายตาที่ดีต้องช่วยให้มองเห็นชัด สบายตา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ แต่หลายคนยังสงสัยว่า จะเลือกเลนส์แบบไหนดีให้เหมาะกับสายตาสั้นของตัวเอง? มาดูคำแนะนำแว่นสายตาสั้นจากผู้เชี่ยวชาญกัน   เลือกเลนส์ตาม ค่าสายตา ค่า “สั้น” จะอยู่ในรูป – (ลบ) เช่น -1.50, -3.00 เลือกตามระดับสายตา: ระดับสายตา ควรเลือกเลนส์แบบไหน น้อยกว่า -2.00 เลนส์มาตรฐานหรือบางเล็กน้อยก็เพียงพอ -2.00 ถึง -4.00 เลือกเลนส์บาง (Index 1.60 / 1.67) ใส่สบายและดูไม่หนา มากกว่า -4.00 เลือกเลนส์บางพิเศษ (Index 1.67 / 1.74) เพื่อให้เฟรมไม่หนักและเลนส์ไม่หนาปูดข้าง เหตุผล: สายตาสั้นมาก หากใช้เลนส์ทั่วไปจะทำให้เลนส์หนา ขอบหนา และหนัก ทำให้ไม่สบายตาและไม่สวยงาม   […]

ความแตกต่างระหว่างเลนส์สายตาสั้นกับเลนส์สายตายาว

ความแตกต่างระหว่างเลนส์สายตาสั้นกับเลนส์สายตายาว

แม้ทั้ง “เลนส์สายตาสั้น” และ “เลนส์สายตายาว” จะมีหน้าที่ช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้นเหมือนกัน แต่หลักการทำงานของเลนส์ทั้งสองแบบต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะปัญหาทางสายตาของทั้งสองประเภทเกิดจาก “ตำแหน่งการโฟกัสของแสงในดวงตา” ที่ไม่เหมือนกัน การเข้าใจความต่างนี้ จะช่วยให้คุณเลือกเลนส์ได้เหมาะกับสายตา และใช้งานได้อย่างสบายตาที่สุด   สายตาสั้น คืออะไร? สายตาสั้น (Myopia) หมายถึง ภาวะที่ “มองใกล้ชัด แต่มองไกลไม่ชัด” เกิดจากลูกตาที่ยาวเกินไป หรือแสงที่หักเหก่อนถึงจอประสาทตา เลนส์ที่ใช้: “เลนส์เว้า (Concave Lens)” หรือเลนส์ที่บางตรงกลาง หนากว่าที่ขอบ หน้าที่ของเลนส์: ช่วย “กระจายแสง” ให้วัตถุที่อยู่ไกลโฟกัสได้ตรงจอประสาทตา ทำให้ภาพชัดขึ้น เหมาะกับ: คนที่มองไกลพร่ามัว เช่น อ่านป้ายถนนไม่ชัด นักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงานที่ต้องใช้สายตาใกล้บ่อย   สายตายาว คืออะไร? สายตายาว (Hyperopia) หมายถึง ภาวะที่ “มองไกลชัด แต่มองใกล้ไม่ชัด” เกิดจากลูกตาสั้นเกินไป หรือแสงโฟกัสหลังจอประสาทตา เลนส์ที่ใช้: “เลนส์นูน (Convex […]

เลนส์สำหรับสายตาสั้นมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร

เลนส์สำหรับสายตาสั้นมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร

สายตาสั้น (Myopia) เป็นภาวะที่ “มองใกล้ชัด แต่มองไกลไม่ชัด” เกิดจากลูกตามีความยาวมากกว่าปกติ หรือแสงโฟกัสก่อนถึงจอประสาทตา จึงต้องใช้ เลนส์เว้า (Concave Lens) ในการปรับแสงให้ตกในตำแหน่งที่พอดี แต่รู้ไหมว่า… “เลนส์สำหรับคนสายตาสั้น” มีหลายแบบให้เลือก แต่ละแบบให้ประสบการณ์การมองเห็น และระดับความสบายที่แตกต่างกัน   1. เลนส์สายตาเดี่ยว (Single Vision Lens) เหมาะกับ: ผู้ที่มีสายตาสั้นทั่วไป ลักษณะ: มีค่าสายตาเดียวทั่วทั้งเลนส์ ข้อดี: ให้ภาพชัดในระยะเดียว (มองไกลหรือใกล้ตามค่าสายตา) ราคาย่อมเยา ใส่ง่าย เหมาะกับนักเรียน วัยทำงาน หรือผู้ใช้ทั่วไป    ข้อจำกัด: มองได้ชัดแค่ระยะเดียว หากต้องสลับใกล้-ไกลบ่อย อาจรู้สึกตาล้า   2. เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) เหมาะกับ: ผู้ที่มีสายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัย ลักษณะ: มองได้หลายระยะในเลนส์เดียว — ใกล้ กลาง ไกล โดยไม่มีเส้นแบ่ง ข้อดี: […]